top of page

Concerto op 26 : Paul Creston

       Concerto op.26 สำหรับ Alto Sax เป็นหนึ่งในบทเพลงที่สำคัญของ Paul Creston ที่ตัวเพลงต้องใช้ความสามารถในการขัดเกลาเทคนิคและการควบคุมที่โน้ตที่แม่นยำของทั้งsoloistและensemble

       บทเพลงนี้ถูกประพันธ์ขึ้นครั้งแรกสำหรับวงorchestra และถูกแสดงครั้งแรกโดย  New york philharmonic ในปี 1944 โดยมี Vincent Abato เป็น soloist และต่อมาในปี1963 creston ได้แก้ไขสกอร์ใหม่อีกครั้งสำหรับ symphonic band

        ท่อนที่หนึ่ง energetic อยู่ในรูปแบบ sonata form* ที่กระฉับกระเฉง และเริ่มด้วยการบรรเลงร่วมกันของทั้งวงใน theme ที่1 ตามด้วยการเข้ามาของ saxophone ที่โดดเด่น โดย soloist จะเป็นผู้นำเสนอ theme ที่2ที่มีความสละสลวยเพียงลำพัง และจึงตามมาด้วย oboe และ clarinet

        ทำนองที่สละสลวยของท่อนที่สอง meditative เริ่มด้วยtheme ที่สำคัญของท่อน นำเสนอโดยflute และตามด้วยbassoon ตัวทำนองในท่อนนี้มีความเศร้าโศกที่งดงาม และถูกประพันธ์อยู่ในจังหวะ 5/4 ถึงแม้ตัวจังหวะและโครงสร้างประโยคของตัวทำนองจะไม่ได้คล้อยตามแบบแผนการใช้bar line ที่ใช้กันมา

       เมื่อเข้าใกล้ช่วงกลางของท่อน soloist จะแสดง cadenza ที่อ้างอิงมาจากThemeของเพลงที่มีมาก่อนแล้วในท่อนนี้ ท่อนที่2ได้จบเท่าที่มันเริ่มขึ้นมา แต่ในครั้งนี้มาพร้อมกับ theme ที่ถูกนำเสนอในตอนแรกโดยโอโบ ต่อไปยังsolo sax และจบลงอย่างสงบด้วยคอร์ด f#Maj 

       ท่อนที่สาม rhythmic อยู่ในรูปแบบของ rondo* มีการนำ A theme ในท่อนที่1ที่มีความกระฉับกระเฉง, b theme ที่มีความไหลลื่น และสื่ออารมณ์, และ c theme ที่เหมือนสงคราม มารวมกัน ในท่อนที่สามนี้จบลงด้วย solo cadenza ที่ระห่ำโดดเด่น ตามด้วยfinale ที่จบสมบูรณ์

I. Energetic

II. Meditative

III. Rhythmic

        * Sonata form = เป็นโครงสร้างของบทเพลงประเภทหนึ่งในจำพวกของ Concerto Sonata Symphony หรืองานประเภท Chamber ใช้กันทั่วไปเป็นส่วนมาก แบบแผนของ Sonata Form มีทั้งหมดสามส่วน คือ

   1. ส่วนเสนอความคิดทางดนตรี กำหนดทำนองหลักให้เป็นแกนสำคัญเพื่อสร้างเป็นลักษณะเฉพาะของท่อนได้อย่างชัดเจน

   2. ส่วนพัฒนาความคิดทางดนตรี คือส่วนที่พัฒนาทำนองหลักออกไปได้อย่างกว้างขวางและอิสระ

   3. ส่วนสรุป คือการทำให้ทำนองหลักในท่อนที่ 1 กลับมาอีกครั้งนึงแต่ต้องอยู่ในคีย์เดิมของเพลงๆนั้น

        *  Rondo Form = บทเพลงที่มีทำนองหลักสลับด้วยทำนองอื่นๆที่มีลักษณะแตกต่างกัน เช่น A แทนทำนองหลักและจะมีตัวอักษรอื่นแทนทำนองซึ่งแตกต่างออกไป A b A c A และตามปกติแล้วบทเพลงประเภท Rondo มักจะแจ่มใส่ สนุกสนานและมีลีลารวดเร็วและส่วนมากจะอยู่ในท่อนสุดท้ายของพวก Sonata , Symphony

bottom of page